ประวัติการศึกษา

  • (กำลังศึกษา) ปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาทันตกรรมประดิษฐ์
    คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย
  • ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาทันตกรรมคลินิก
    (ทันตกรรมประดิษฐ์) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • ปริญญาทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • ประกาศณียบัตรทันตกรรมรากเทียม สมาคมรากเทียมแห่งประเทศไทย (TADI)
  • ประกาศณียบัตรทันตกรรมจัดฟัน Basic Orthodontic
  • ประกาศณียบัตร Invisalign Provider
  • ประกาศณียบัตร Zenyum Provider
  • สำหรับประกาศณียบัตรอื่นๆ สามารถดูได้ ที่นี่

ประวัติการทำงาน

     พอเรียนทันตแพทยศาสตร์บัณฑิตจบ 6 ปี ก็ได้ไปทำงานโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งในต่างอำเภอ ของจังหวัดร้อยเอ็ด ทำงานได้ซักระยะจึงตัดสินใจออกมาเรียนต่อปริญาโททางด้านทันตกรรมประดิษฐ์ ซึ่งเรียนหลักๆเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ที่มาทดแทนฟันและอวัยวะบริเวณใบหน้า และขากรรไกร รวมถึงในช่องปากด้วย หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า “หมอฟันปลอม” แต่ที่จริงแล้วคุณหมอที่เรียนสาขาทันตกรรมประดิษฐ์สามารถทำพวก ตาเทียม หูเทียม หรือแม้กระทั่งจมูกเทียมได้ด้วย

     ระหว่างที่เรียนปริญญาโทไปก็ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ นอกจากจะได้ทำคนไข้ในคณะที่เป็นการเรียนการสอนแล้ว ยังได้ทำคนไข้ตามคลินิกต่างๆ พอเรียนจบปริญญาโทก็ปรึกษาคนรอบๆตัว และตัดสินใจร่วมหุ้นเปิดคลินิกทันตกรรมครับ

ทำไมถึงตัดสินใจเปิดคลินิกทันตกรรม?

     ต้องย้อนกลับไปตอนที่เรียนปริญญาโท ผมเองได้ทำวิจัยที่เกี่ยวข้องกับวัสดุศาสตร์ทางทันตกรรม ทำให้จำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าเยอะมาก และค่อนข้างละเอียดมากทางด้านวัสดุต่างๆที่เอามาใช้ทางทันตกรรม ประกอบกับเราได้ไปทำคลินิกฯหลายที่ พบเจอความหลากหลายของวัสดุ อุปกรณ์ ที่แต่ละคลินิกฯเลือกใช้ การตั้งราคาค่ารักษา รวมไปถึงความสะอาดของคลินิกฯแต่ละที่ด้วย

     การเข้าไปทำงานในคลินิกฯบางที่ทำให้เราคิดว่า ทำแบบนี้มันเอาเปรียบคนไข้นิ ใช้วัสดุคุณภาพไม่ดี แต่ตั้งราคาแบบนี้ บางที่ก็นำสิ่งที่ควรจะใช้ครั้งเดียวกับคนไข้คนไข้ ไปใช้กับคนไข้คนอื่นๆต่อซ้ำๆ แบบนี้มันเป็นการแพร่เชื้อโรคนิ บางที่มีแมลงสาบตายอยู่ในตู้อบฆ่าเชื้อ คือพอไปทำคลินิกฯเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าตัวเองทำบาปทุกๆวัน แทนที่จะได้บุญจากการช่วยเหลือคนไข้ให้หายเจ็บป่วย ส่วนตัวคิดว่าคลินิกฯที่ทำถูกต้อง ทำแล้วสบายใจ มีประมาณ 2% จากคลินิกฯที่เคยไปทำงานทั้งหมด

     พอรู้สึกว่าคลินิกฯที่เราไปทำงานมันไม่โอเค แล้วเจ้าของก็ไม่พยายามจะพัฒนาอะไรให้ดีขึ้น เราก็เริ่มศึกษาสินค้าทางทันตกรรมในตลาด ประกอบกับความรู้จากขั้นตอนการทำวิจัยที่ต้องศึกษาวัสดุทางทันตกรรมเยอะมาก เอามาประกอบกัน แล้วก็พบว่า 

เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะทำให้ค่ารักษาถูก เมื่อใช้วัสดุทางทันตกรรมที่มีคุณภาพ

     มีการคุยกันอยู่เหมือนกันว่าจะเปิดคลินิกฯดีไหม เพราะถ้าเปิดแล้วเราไม่สามารถตั้งราคาต่ำได้เท่าร้านอื่นๆ แล้วคนไข้จะรู้ได้ไงว่าเราใช้ของมีคุณภาพ ใช้แต่ของดีๆ แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า 

เปิดคลินิกฯเถอะ เชื่อว่าคนไข้จะรู้เองว่าเราใช้แต่วัสดุดีๆ จากผลการรักษาที่คนไข้ได้รับจากคลินิกฯของเรา รวมไปถึงประสบการณ์การรับการรักษาที่คนไข้จะได้รับ

     เมื่อข้อสรุปเป็นเช่นนั้น ก็ต้องมีการพูดคุยเรื่องราคากัน มีการประชุกันว่าคลินิกนั้นใช้ของแบบนี้ คิดคนไข้เท่านี้ โห!!! ได้กำไรโคตรเยอะ คิดไปคิดมา ประชุมกันไปประชุมกันมา ก็ได้ข้อสรุปเรื่องราคาที่ว่า

เราจะตั้งราคาให้ต่ำที่สุดที่เราสามารถอยู่ได้ เพื่อให้คนไข้ที่มารับการรักษากับเราจ่ายในราคาที่ต่ำที่สุด และสำเหตุสมผลที่สุด!

     เพราะเราคุยกันว่า อยากทำคลินิกฯที่ทำคนไข้แล้วเรารู้สึกสบายใจที่ได้รักษาคนไข้ ไม่เอาเปรียบคนไข้ ไม่รู้สึกว่าทำบาปกับคนไข้ คนไข้ก็จะต้องรู้สึกสบายใจที่มารับการรักษาจากเรา คนไข้จะต้องรู้สึกโชคดีที่เลือกมารักษาที่คลินิกฯของเรา

     นั้นแหละครับ ก็เป็นเรื่องราวคร่าวๆที่ว่าทำไมถึงตัดสินใจเปิดคลินิกฯ

ติดต่อหมอไกด์

โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผม ผมยินดีตอบทุกคำถามครับ

โทร 064-691-6165
อีเมล์ talkwithdoctorguide@gmail.com
ส่งข้อความ หาหมอไกด์