รากฟันเทียม ทางเลือกใหม่เพื่อรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ
รากฟันเทียม หรือ รากเทียม กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน หลายคนอาจกังวลว่ากระบวนการรักษาจะยุ่งยากซับซ้อนแค่ไหน แต่จริงๆ แล้ว ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด และสามารถเปลี่ยนรอยยิ้มของคุณให้กลับมาสวยงามดั่งเดิมได้อีกครั้ง
ทำไมต้องเลือกรากฟันเทียม
รากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป เพราะให้ความรู้สึกเหมือนฟันแท้มากที่สุด ทั้งยังแข็งแรงทนทาน ไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษาที่ยุ่งยาก เพียงแค่แปรงฟันและทำความสะอาดเหมือนฟันธรรมชาติ ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายสิบปี
นอกจากนี้ การทำรากฟันเทียมยังช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกขากรรไกรละลายหายไป เพราะเมื่อสูญเสียฟันไป กระดูกบริเวณนั้นจะค่อยๆ ลีบเล็กลงเรื่อยๆ แต่เมื่อมีรากเทียมเข้าไปแทนที่ จะกระตุ้นให้กระดูกเกิดการยึดเกาะและคงสภาพเดิมไว้ได้
ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม
1. ปรึกษาทันตแพทย์และวางแผนการรักษา
ในวันแรกของการพบทันตแพทย์ จะมีการอธิบายถึงขั้นตอนการรักษา ตรวจสภาพช่องปากและกระดูกขากรรไกรด้วยภาพรังสี เพื่อประเมินความพร้อมในการทำรากเทียม หากกระดูกมีความหนาแน่นไม่เพียงพอ อาจต้องทำการปลูกกระดูกเพิ่มก่อน ซึ่งต้องรอเวลาประมาณ 6-12 เดือนให้กระดูกยึดตัวดีก่อนจึงจะฝังรากเทียมได้
2. การฝังรากเทียม
เมื่อกระดูกมีความพร้อมแล้ว จะนัดมาทำการฝังรากเทียมโดยการผ่าตัดเหงือกเล็กน้อย เพื่อเปิดให้เห็นกระดูกขากรรไกร จากนั้นใช้ดอกสว่านกรอกระดูกให้มีขนาดพอดีกับรากเทียม แล้วจึงขันรากเทียมเข้าไปในกระดูก ในขั้นตอนนี้มักจะใส่หมุดยึดครอบชั่วคราวเพื่อกันไม่ให้เหงือกปิด แต่บางกรณีถ้ากระดูกไม่แน่นพอ อาจต้องเย็บปิดเหงือกทับรากเทียม รอให้กระดูกยึดติดแน่นดีก่อน 3-6 เดือนจึงจะมาเปิดเหงือกใส่หมุดอีกครั้ง
3. การใส่ครอบฟันถาวร
หลังจากที่รากเทียมยึดติดกับกระดูกดีแล้ว จะมีการพิมพ์ปากเพื่อนำไปทำครอบฟันที่มีขนาดพอดีกับช่องว่าง และใส่ลงบนรากเทียมแทนหมุดชั่วคราว ครอบฟันนี้จะมีความแข็งแรง ทนทาน และมีสีสันเหมือนฟันธรรมชาติ เมื่อใส่เข้าที่แล้วจะแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง สามารถใช้งานได้ตามปกติ
คำถามที่พบบ่อย
Q: การทำรากฟันเทียมเจ็บไหม มีความเสี่ยงอะไรบ้าง
A: การฝังรากเทียมจะทำภายใต้ยาชา จึงไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ อาจมีอาการปวดบวมเล็กน้อยหลังการทำ 1-3 วัน ซึ่งสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ ส่วนความเสี่ยงนั้นมีน้อยมากหากอยู่ในความดูแลของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีการวางแผนการรักษาที่รัดกุม
Q: ใครบ้างที่ไม่สามารถทำรากฟันเทียมได้
A: ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ โรคหัวใจ หรือผู้ที่ได้รับรังสีรักษาบริเวณขากรรไกร อาจไม่เหมาะสมกับการทำรากฟันเทียม เพราะอาจส่งผลให้แผลหายช้าหรือติดเชื้อได้ง่าย จึงต้องปรึกษาทันตแพทย์เป็นรายๆ ไป
Q: รากฟันเทียมใช้ได้นานแค่ไหน ต้องดูแลรักษาอย่างไร
A: รากฟันเทียมสามารถใช้งานได้นานมากกว่า 20 ปี หากได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี เพียงแค่แปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และไปพบทันตแพทย์ตรวจเช็คสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้ง ก็จะช่วยให้รากฟันเทียมคงทนได้นานที่สุด
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน การทำรากฟันเทียมจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการทดแทนฟันที่สูญเสียไป ไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องความสวยงาม แต่ยังมอบประสิทธิภาพการใช้งานที่เหนือกว่า พร้อมคงความแข็งแรงของกระดูกขากรรไกรในระยะยาว หากสนใจหรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ และก้าวสู่รอยยิ้มใหม่ที่มั่นใจได้อย่างเต็มที่